อัตชีวประวัติ...กฤษณะ ไตรลักษณ์ (ประธานชมรมวัชรธาตุ)
เกิดเวลาตี ๓.๓๔ น.
วันพฤหัสบดี พ.ศ. ๒๕๐๗
ณ โรงพยาบาลทหารเรือ
บิดาผู้ให้กำเนิด นายประเสริฐ หงส์ทอง
มารดาผู้ให้กำเนิด นางมณฑา หงส์ทอง
มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๔ คน เป็นผู้ชายทั้งหมด และมีน้องสาวบุญธรรม (เสียชีวิตแล้ว)
เกิดในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์ คาทอลิก เติบโตและรู้ความที่ จ. ราชบุรี บ้านที่นั่นเป็นห้องแถวไม้
สภาพภูมิทัศน์โดยรอบที่อยู่นั้นหลังบ้านเป็นท้องนา สามารถมองเห็นเทือกเขาตะนาวศรีได้อย่างถนัดตา
หน้าบ้านติดกับถนนฝั่งตรงข้ามเป็นโรงฆ่าสัตว์
สมัยนั้นคุณพ่อคุณแม่ประกอบอาชีพครู มีการโยกย้ายถิ่นที่อยู่มาพำนักอาศัยที่บ้านคุณตาแถวสามเหล่
ซึ่งปัจจุบันบ้านคุณตาได้รื้อถอนแล้ว หลังจากอยู่กับคุณตาได้พักใหญ่
ก็ต้องย้ายบ้านอีกไปอยู่แถวพระประแดง เป็นชุมชนของผู้นับถือศาสนาคริสต์คาทอลิกโบสถ์อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา
บ้านที่อาศัยอยู่ติดกับหลุมฝังศพ (ป่าช้า) วัยเด็กจึงได้เห็นพิธีกรรมการฝังศพของชาวคริสต์อยู่บ่อย ๆ
จนเป็นเรื่องปกติ และไม่รู้สึกหวาดกลัวอะไร อาศัยป่าช้าเป็นที่เล่นซ่อนแอบสนุกสนานกับพี่น้องและเพื่อน ๆ
อยู่เป็นประจำ และเจอเหตุการณ์แปลก ๆ อยู่บ่อย ๆ ครั้ง ซึ่งอาจจะทำให้บางคนถึงกับขนหัวลุก
วันนั้นน้องชายกระโดดข้ามโลงที่เป็นปูน ข้ามไปมาอย่างสนุกสนาน
เห็นมือโผล่ทะลุขึ้นมาจากปูนผลักเอาน้องชายตกลงไปที่พื้นร้องไห้จ้า ตอนที่เห็นนั้นรู้สึกเฉย ๆ
ไม่สงสัยไม่ตื่นกลัวอะไรเลย บางครั้งก็ได้ยินเสียงคุยกัน
แต่บริเวณนั้นไม่มีผู้คนอยู่เลยสักคน มีแต่ซากหัวกะโหลกโครงกระดูกวางระเกะระกะเต็มไปหมด
แต่ใจก็ไม่รู้สึกหวั่นเกรง
ต่อมาต้องย้ายบ้านอีกไกลจากป่าช้าไปหน่อยหนึ่ง
แต่ป่าช้าก็ยังเป็นสถานที่ที่ยังคงไปเล่นกันตามปกติ พอถึงเกณฑ์อายุที่จะต้องเข้าเรียน
ก็เรียนโรงเรียนแถวบ้านเป็นโรงเรียนคริสต์ชื่อประชานาถ
ช่วงเช้าประมาณเจ็ดโมงจะต้องไปเรียนด้านศาสนาคำสอนก่อนจะเรียนวิชาอื่น ๆ
ตามปกติ เรียนได้คะแนนที่อยู่ในระดับต้น ๆ ช่วงนั้นมีความคิดถึงขนาดว่าอยากจะบวชเป็นบาทหลวง
เนื่องจากมีความเชื่อและศรัทธาในพระเจ้ามาก
ยังคงเจอเรื่องราวแปลก ๆ ในชีวิตวัยเด็กอีก ในงานเฉลิมฉลองของชาวคริสต์คราวหนึ่ง
ซึ่งจัดประจำทุกปีเป็นประเพณี คุณพ่อคุณแม่ได้เช่าพื้นที่ไว้ขายของในงาน
วันนั้นต้องตื่นแต่เช้าราว ๆ ตีห้า เพื่อไปเฝ้าของที่ร้าน ขณะนั้นก็นั่งชมวิวมองแม่น้ำเจ้าพระยา
เห็นมือขนาดใหญ่ คล้าย ๆ กำลังโบกเรียกเราอยู่ ลอยทวนน้ำมา ช่วงนั้นน่าจะเป็นเวลาน้ำลง
เลยเรียกน้องชายให้มาช่วยดู ถามน้องว่าเห็นอะไรไหม น้องผงะตกใจสุดฤทธิ์
แล้ววิ่งไปอยากสุดชีวิตพร้อมทั้งตะโกนไปด้วยว่าผีหลอก ๆ
ปกติน้องจะเป็นคนที่วิ่งรั้งท้ายเสมอ แต่ครานี้กลับวิ่งแซงหน้าไปราวกับเหาะเหินได้
รีบไปเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง ท่านก็ไม่เชื่อเพราะเห็นพวกเราเป็นเด็ก คงพูดจาไปเรื่อยเปื่อย
ขอวกกลับมาช่วงสมัยเรียนอีกครั้ง ช่วงเวลาที่ต้องไปเรียนคำสอนด้านศาสนาในทุก ๆ
เช้านั้น วันหนึ่งได้เกิดคำถามกับตัวเองในใจว่า ทำไมจะต้องมีความเชื่อเพียงอย่างเดียวเองหรอ
ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้อย่างเงียบ ๆ หลังจากกลับจากโรงเรียน ขณะที่กำลังก้าวเท้าขึ้นบันไดบ้าน
พลันได้ยินเสียงเพลงเป็นภาษาบาลี ดังแว่ว ๆ
เข้ามาในหูว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ....
เกิดภาพผุดขึ้นมาในใจเป็นพระพุทธเจ้าทรงนั่งอยู่ท่ามกลางพระมหาสาวก
เป็นจุดชนวนเริ่มต้นของการค้นหา โดยจำจากละครทีวีแนวจักร ๆ วง ๆ เห็นฤาษีนั่งสมาธิ
ก็จำเอามาปฏิบัติบ้าง แต่ไม่ประสบผลเท่าไหร่
(ประวัติมีต่ออีกนะครับ)